ชนิดของพันธะเคมี
1.พันธะไอออนิก
พันธะไอออนิก ( Ionic bond ) หมายถึงแรงยึดเหนี่ยวที่เกิดในสารประกอบที่เกิดขึ้นระหว่าง
2 อะตอม อะตอมที่มีค่าอิเลคโตรเนกาติวิตีน้อยจะให้อิเลคตรอนแก่อะตอมที่มีค่าอิเลคโตรเนกาติวิตีมาก
และทำให้อิเล็กตรอนที่อยู่รอบๆ อะตอมครบ 8 (octat rule ) กลายเป็นไอออนบวก
และไอออนลบตามลำดับ เกิดแรงดึงดูดทางไฟฟ้าระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ
และเกิดเป็นโมเลกุลขึ้น
ตัวอย่างสารประกอบ
NaCl อ่านว่า
โซเดียมคลอไรด์
KBr
อ่านว่า โพแทสเซียมโบรไมด์
CaI2 อ่านว่า แคลเซียมไอโอไดด์
CaCl2 อ่านว่า แคลเซียมคลอไรด์
KNO3 อ่านว่า โพแทสเซียมไนเตรต
สมบัติของสารประกอบไอออนิก
1. มีขั้ว
2. ไม่นำไฟฟ้าเมื่ออยู่ในสภาพของแข็ง แต่จะนำไฟฟ้าได้เมื่อใส่สารประกอบไอออนิกลงในน้ำ
3. มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
4. สารประกอบไอออนิกทำให้เกิดปฏิกิริยาไอออนิก คือ
ปฏิกิริยาระหว่างไอออนกับไอออน
5. สมบัติไม่แสดงทิศทางของพันธะไอออนิก
6. เป็นผลึกแข็ง แต่เปราะและแตกง่าย
การนำไปใช้ประโยชน์
โซเดียมคลอไรด์ ใช้ในการผลิตกระดาษ ใช้ในหมึกพิมพ์ผ้าในอุตสาหกรรมเท็กไทล์ ใช้ในอุตสาหกรรมผลิต
สบู่และผงซักฟอก
2.พันธะโควาเลนต์
พันธะโควาเลนต์ (Covalent bond) หมายถึง
พันธะในสารประกอบที่เกิดขึ้นระหว่างอะตอม 2 อะตอมที่มีค่าอิเล็กโตรเนกาติวิตีใกล้เคียงกันหรือเท่ากัน
แต่ละอะตอมต่างมีความสามารถที่จะดึงอิเล็กตรอนไว้กับตัว
อิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะจึงไม่ได้อยู่ ณ
อะตอมใดอะตอมหนึ่งแล้วเกิดเป็นประจุเหมือนพันธะไอออนิก
หากแต่เหมือนการใช้อิเล็กตรอนร่วมกันระหว่างอะตอมคู่ร่วมพันธะนั้นๆและมีจำนวนอิเล็กตรอนอยู่รอบๆ
แต่ละอะตอมเป็นไปตามกฎออกเตต
1.พันธะเดี่ยว (single
bond) คือ พันธะโคเวเลนต์ที่เกิดจากอะตอมคู่ที่เข้ามาร่วมสร้างพันธะต่อกันมีการใช้ร่วมสร้างพันธะต่อกันมีการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่
2.พันธะคู่ (double
bond) คือ พันธะโคเวเลนต์ที่เกิดจากอะตอมคู่ที่เข้ามาร่วมสร้างพันธะต่อกันมีการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 คู่
3.พันธะสาม (triple bond) คือ พันธะโคเวเลนต์ที่เกิดจากอะตอมคู่ที่เข้ามาร่วมสร้างพันธะต่อกัน มีการใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 3 คู่
ตัวอย่างสารประกอบ
CO2 อ่านว่า คาร์บอนไดออกไซด์
H2O อ่านว่า
น้ำ
C2H2 อ่านว่า ก๊าซอะเซทิลีน
C2H4 อ่านว่า อีเทน
CO อ่านว่า
คาร์บอนมอนออกไซด์
สมบัติของสารประกอบ
1. มีสถานะเป็นของแข็ง
ของเหลว หรือแก๊ส เช่น |
- สถานะของเหลว
เช่น น้ำเอทานอลเฮกเซน |
- สถานะของแข็ง
เช่น น้ำตาลทราย (C12H22O11),แนพทาลีนหรือลูกเหม็น (C10H8) |
- สถานะแก๊ส เช่น
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2),แก๊สมีเทน (CH4),แก๊สโพรเพน (C3H8) |
2. มีจุดหลอมเหลวต่ำ
หลอมเหลวง่ายเนื่องจากมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลที่ไม่แข็งแรงสามารถถูกทำลายได้ง่าย |
3. มีทั้งละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ
เช่น เอทานอลละลายน้ำ แต่เฮกเซนไม่ละลายน้ำ |
4.สารประกอบโคเวเลนต์ไม่นำไฟฟ้าเนื่องจากมีประจุไฟฟ้าเป็นกลาง
และอิเล็กตรอนทั้งหมดถูกใช้เป็นอิเล็กตรอน คู่ร่วมพันธะระหว่างอะตอม
ทำให้ไม่มีอิเล็กตรอนอิสระช่วยนำไฟฟ้า
แต่ยกเว้นในสารประกอบโคเวเลนส์ที่มีสภาพขั้วแรงมาก เช่น HCI, HBr, H2SO4 |
การนำไปใช้ประโยชน์
ใช้ในอุตสาหกรรมโรงงานที่ผลิตเกี่ยวกับวัสดุโฟมและพอลิเมอร์
อุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก อุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เช่น โซดา, น้ำอัดลม , อุตสาหกรรมการผลิตยา
และเครื่องมือแพทย์ หรือเปลี่ยนให้เป็นแคลเซียมคาร์บอเนตที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการผลิตคอนกรีต
3.พันธะโลหะ
พันธะโลหะ หมายถึง
แรงยึดเหนี่ยวที่ทำให้อะตอมของโลหะ อยู่ด้วยกันในก้อนของโลหะ
โดยมีการใช้เวเลนต์อิเล็กตรอนร่วมกันของอะตอมของโลหะ โดยที่เวเลนต์อิเล็กตรอนนี้ไม่ได้เป็นของอะตอมหนึ่งอะตอมใดโดยเฉพาะ
เนื่องจากมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา ทุกๆอะตอมของโลหะจะอยู่ติดกันกับอะตอมอื่นๆ
ต่อเนื่องกันไม่มีที่สิ้นสุด จึงทำให้โลหะไม่มีสูตรโมเลกุล
ที่เขียนกันเป็นสูตรอย่างง่าย หรือสัญลักษณ์ของธาตุนั้นเอง
ตัวอย่างสารประกอบ
Li, อ่านว่า ลิเทียม
Mg อ่านว่า แมกนีเซียม
Na อ่านว่า โซเดียม
Al อ่านว่า อลูมิเนียม
Fe อ่านว่า เหล็ก
สมบัติของโลหะ
1 นำความร้อนได้ดี
2 นำไฟฟ้าได้
3รีดเป็นแผ่นได้ง่าย
4 ดึงเป็นเส้นยาว
ๆ ได้โดยไม่ขาดง่าย
5 จุดหลอมเหลวสูง
6 มีความเป็นมันวาว
7 เชื่อมต่อกันได้
การนำไปใช้ประโยชน์
อะลูมิเนียม เป็นโลหะที่นําไฟฟ้าได้ดีจึงนำไปใช้เป็นตัวนำไฟฟ้าอลูมิเนียมและเหล็กเป็นโลหะที่นําความร้อนได้ดีจึงนำไปทำภาชนะสำหรับประกอบอาหาร
เช่น หม้อ กระทะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น